แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวคิดในการดำเนินชีวิต แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวคิดในการดำเนินชีวิต แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำงานผ่านเน็ต มีจริงหรือ

ทำงานผ่านเน็ต มีจริงหรือ คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจหลายๆ คนใช่ไหมครับ
ยิ่งในปัจจุบัน เรากำลังมองหาอาชีพเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถทำงานอยู่้้ที่บ้านได้ด้วยแล้ว
การทำงานผ่านเน็ต ยิ่งเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ นะครับ

การทำงานผ่านเน็ต แล้วได้ตังค์ มีอยู่ "จริง" ครับ ใช่ครับ มันมีอยู่จริง แล้วที่เราเห็น
โฆษณา ทางเว็บบ้าง e-mail มาบ้าง มันมีอยู่จริงรึเปล่า ตอบตามตรง ผมก็ไม่ทราบว่ามีอยู่จริงรึเปล่า
แต่ผมมีวิธีการสังเกตุ คราวๆ เพื่อตัดสินใจร่วมทำงาน หรือหาเงินผ่านเน็ตนะครับ

หากเราตัดสินใจ ที่จะทำงานผ่านเน็ต ที่ได้ยินตามที่เขาเล่าต่อกันมา ฟังตามกันมา ก็มีข้อสังเกตุ ดังนี้ครับ
1. ชื่อเว็บไซต์ หรือบริษัท ที่จะร่วมทำงาน เว็บไซต์หรือบริษัทเหล่านั้น เรารู้จักรึเปล่า เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับ
อะไร มีความน่าเชื่อถือมากหน่อยแค่ไหน
2. การได้มาซึ่งเงินที่จะนำมาจ่ายให้เรา มันดูสมเหตุสมผลรึเปล่า บางเจ้าโฆษณาว่าจะมีรายได้หลักหมื่น
หลักแสน แต่เราลองคิดดูว่าเส้นทางรายได้มันมาอย่างไร
3. เส้นทางของรายได้และค่าตอบแทน รายรับที่โฆษณากัน หลักหมื่น หลักแสน ผู้ที่จ่ายเงินให้เรา
เขาเอาตังค์มาจากไหน รายได้ของบริษัทที่เราร่วมทำงานด้วย เขามีรายได้หลักจากแหล่งใด และ
มีส่วนแบ่งให้เรากี่เปอร์เซ็น
4. ต้องคำนึงเสมอว่า ทุกธุรกิจย่อมหวังผลกำไร คนที่ติดต่อให้เราสมัครย่อมต้องการผลตอบแทน
จากการกระทำอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องหาเหตุผล ของการกระทำนั้นให้ได้ ก่อนตัดสินใจครับ
5. การให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล ไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป

นั้นก็เป็นวิธีการคราวๆ ในการพิจารณาร่วมทำงานกับบริษัทที่ติดต่อหาเงินตามบ้านนะครับ

มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า ทำงานผ่านเน็ต มีจริงเหรอ? อย่า่งที่บอกไว้ตั้งแต่แรก ว่ามีอยู่จริงและมีอยู่
มากด้วย แล้วยังไงล่ะ ว่ากันเป็นข้อๆ ดังนี้

1. เปิดเว็บไซต์ขายของ ทำเองซะเลย ขายของ หาของมาขาย โดยเปิดเว็บไซต์ วิธีการนี้ เป็นแนวทางที่ดี
ถ้าเรามีความรู้ในการโปรโมตเว็บ
2. สมัครเป็น affiliate กับบริษัทต่างๆ แล้วเอามาทำตลาด ซึ่งการทำตลาด online ก็มีอยู่ อยู่หลายทาง
อีกเช่นกัน ต้องเลือก ตามความถนัด ทั้ง ppc, atical etc.
3. ทำเว็บไซต์เพื่อขายป้ายโฆษณา แนวทางนี้ก็มีคนทำอยู่เยอะเหมือนกัน

ขอเอาไว้แค่นี้่ก่อน แล้ว วันหลังผมจะมาต่อ วันนี้ง่วง มากๆ

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร

เพชรมีค่ามากกว่าถ่านหลายล้านเท่า
ทั้งๆที่เพชรเป็นธาตุคาร์บอนเหมือนกัน
ไม้ผ่านการอบการเผา ไม่นานก็กลายเป็นถ่าน
แต่เพชรผ่านความร้อน ไม่ต่ำกว่า 5,000 องศาฟาเรนไฮต์
ได้รับความกดดันมากกว่า 1 ล้านปอนด์ต่อตารางนิ้ว
ด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จนกระทั่งกลายเป็นเพชร
เพชรที่เป็นเครื่องประดับอันงดงาม
พร้อมๆกับเป็นของที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก
ถ้าท่านกำลังได้รับความกดดันอยู่ จงอดทน จงอดทน
ถ้าท่านกำลังถูกเคี่ยวถูกสับอยู่ ให้คิดว่าเพียงแค่นี้
จะทำให้เป้าหมายเราสั่นคลอนได้หรือ ?
ถ้าสถานการณ์กำลังบีบคั้นท่าน แสดงว่าชัยชนะกำลังรออยู่ข้างหน้า
ถ้ายังถูกโหมกระหน่ำอีกให้รู้ตัวว่า
ท่านกำลังใกล้จะเป็นเพชรเต็มที่แล้ว….
ในสถานการณ์เช่นนี้…..หากหยุดคิดพิจารณาอย่างมีสติ
ย่อมจะเกิดปัญญาพบหนทางสว่างได้เสมอ
จงมุ่งมั่นอาจหาญสง่างาม เสมือนดั่งเพชร
แม้เพชรจะตกอยู่ในสภาวะทุกข์ยากลำบาก อ้างว้างและโดดเดี่ยว
แต่เพราะเพชรไม่เคยย่อท้อต่อสู้เรื่อยไป
ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นบทเรียนและบทฝึกตัวเองเสมอ จนกาลเวลาผ่านไป
เพชรจึงภูมิใจในตัวของมันเอง และด้วยความอดทนถึงที่สุดนั่นเอง
เพชรจึงเป็นอัญมณีล้ำค่า ควรแก่การประดับมงกุฎของพระราชาผู้ยิ่งใหญ่
จากอดีต… ปัจจุบัน….ตลอดไปในอนาคต

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552

กฎทอง 10 ข้อ ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุนในตลาดหุ้น เขาเป็นต้นแบบ ของหลายๆ
ที่กำลังมุ่งหน้าสู่การลงทุน ในยุคเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้ให้ข้อคิดสำคัญไว้ 10 ข้อ ดังนี้

1. ต้องทำงานหนัก สำหรับวอร์เรนแล้ว เขาฟันธงเลยว่า ส่วนใหญ่แล้วการทำงานหนักจะนำผลกำไรมาให้ ในขณะที่การพูดมากแต่ไม่ทำ กลับจะนำความยากจนมาให้แทน แบบนี้เข้าตำราว่า “อย่ามัวแต่ตั้งท่าชก ให้ชกเลย” จึงจะได้คะแนนชนะการต่อสู้

2. อย่าขี้เกียจ เขาได้ยกตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ว่า “ขนาดกุ้งมังกรตัวโตๆ ถ้ามัวแต่นอนหลับ ยังสามารถถูกกระแสน้ำพัดลอยไปได้” หมายความว่าถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มัวแต่รอคอยความหวัง คุณจะต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตการณ์ทางการเงินนี้ต่อไปอย่างแน่นอน

3. รายรับจากหลายแหล่ง ข้อนี้เป็นเคล็ดลับของมหาเศรษฐีหลายคน ไม่ใช่เฉพาะวอร์เรน เพราะการหวังพึ่งรายได้จากแหล่งเดียว ทำให้ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงของภาวะที่ไม่แน่นอน เขาแนะนำให้ทำการลงทุนที่ฉลาดเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เช่นถ้าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณควรมีรายได้ส่วนอื่นจากการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ ที่สามารถสร้างรายรับเข้ามาในแต่ละเดือนได้ด้วย

4. ควบคุมรายจ่าย เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มจ่ายเงินซื้อสิ่งที่คุณไม่มีความต้องการจริงๆ คุณก็กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่อาจต้องขายสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดแทน ดังนั้นคิดและตั้งสติก่อนที่จะจ่ายเงินซื้ออะไรในชีวิตเสมอ

5. ตั้งใจออม เขาเน้นว่าเราอย่ารอเก็บออมเงินที่เหลือหลังจากที่ได้ใช้จ่ายจนพอใจ แต่เราต้องกันเงินส่วนหนึ่งของรายได้มาเพื่อเก็บสะสมก่อน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย ข้อนี้ลึกมากนะคะ หลายคนมักจะเข้าใจผิด ใช้จ่ายแล้วเหลือจึงนำเข้าแบงก์ ที่จริงต้องกันออกมาออมก่อนจะไปทำอย่างอื่น

6. งดกู้ยืม คนที่กู้หนี้ยืมสินจากคนอื่น มักจะตกเป็นทาสของคนที่คุณไปกู้ยืม ดังนั้นต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พยายามมีชีวิตอยู่ตามอัตภาพเท่าที่เราหามาได้ อย่าไปสร้างหนี้สร้างสิน เพียงแค่ต้องการมีทรัพย์สินให้เหมือนกับคนอื่น พยายามดำรงชีวิตอยู่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว

7. จัดระบบบัญชี เขาใช้คำคมมาเปรียบเทียบว่า “ไม่มีประโยชน์ที่จะถือร่มกันฝน ตราบใดที่รองเท้าที่คุณสวมใส่นั้นยังมีรูอยู่ เพราะมันทำให้เปียกเหมือนกัน” นั่นคือต้องอย่าทำให้มีจุดรั่วไหลของบัญชี

8. หมั่นตรวจสอบ เขาให้ความสำคัญกับการตรวจสอบมาก เพราะว่าค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ จะเปรียบเสมือนรูรั่วของเรือ รูรั่วเพียงเล็กๆ แต่นานไปก็สามารถจมเรือใหญ่ทั้งลำได้ ดังนั้นอย่ามองข้ามค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ต้องให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายทุกชนิดเสมอ

9. จัดการความเสี่ยง ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่นักธุรกิจไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ตราบเท่าที่ยังโลดแล่นอยู่ในธุรกิจ เขากล่าวว่าเราไม่ควรจะทดสอบความลึกของแม่น้ำที่จะข้าม ด้วยขาสองข้างพร้อมๆ กัน เพราะเราอาจจมน้ำตายได้ ในการจัดการความเสี่ยงเราต้องมีแผนสำรองเสมอ ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องบริหารความเสี่ยงที่กำลังเผชิญอยู่อย่างชาญฉลาดที่สุด

10. บริหารการลงทุน อย่าเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มลงทุนในสิ่งเดียวกัน เปรียบเหมือนอย่าวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าเดียวกัน เพราะถ้าตะกร้าหล่นจะทำให้ไข่แตกหมดทุกใบ ดังนั้นเราต้องกระจายความเสี่ยง เพราะธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในช่วงขาลง แต่อีกธุรกิจหนึ่งอาจจะอยู่ในขาขึ้น ทำให้ผลประโยชน์โดยรวมยังอยู่ได้

แนวทางที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้กล่าวเอาไว้นั้น อาจเป็นเพียงแนวคิดพื้นฐานง่่ายๆ ที่หลายคนรู้ดี แต่ยังขาดการนำไป
ปฏิบัติอย่างจริงจังเท่านั้นเอง จะเห็นได้ว่าแนวทางการประสบความสำเร็จนั้นเป็นแนวทางพื้นฐานง่ายๆ ที่คนมองข้าม
มักคิดว่าการที่จะประสบความสำเร็จนั้น ต้องทำสิ่งที่ยากๆ แต่ก็ใช่ว่าความคิดนั้นจะผิดไปซะทีเดียว แต่การทำสิ่งที่ยากนั้น
คงเป็นเรื่องไม่ง่ายนักสำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่การดำเนินตามแนวทางพื้นฐาน ก็สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ...